วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประวัติและตราสัญลักษณ์ตำบลในคลองบางปลากด

 
 ประวัติตำบลในคลองบางปลากด
ความหมายและความเป็นมา
      ตามความหมายในจดหมายเหตุมีการเขียนชื่อคลองนี้แตกต่างกันออกไป ชาวบ้านบางคนเขียนว่า คลองบางปรากฏ บ้างก็เขียนว่า คลองบางปลากด แต่ความในจดหมายเหตุที่ทรงบันทึกโดยรัชกาลที่  5  ทรงบันทึกว่า คลองบางปกด โดยในปัจจุบันใช้คำว่า  คลองบางปลากด ในอดีตนั้นบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยามีสองฝากฝั่ง คือ ฝั่งตลาด (เมืองปากน้ำ) กับ ฝั่งคลองบางปลากด สำหรับฝั่งคลองบางปลากดนี้เป็นคลองสำคัญบนฝั่งขวาของปากแม่น้ำเจ้าพระยา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ฝั่งคลองบางปลากดสามารถใช้เป็นเส้นทางในการคมนาคมขนส่งทางเรือภายในคลองออกสู่ฝั่ง ตลาด (เมืองปากน้ำ) ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการขุดคลองขึ้นมาใหม่คือ คลองสรรพสามิต ออกสู่หมู่บ้านโบราณชื่อ บ้านสาขลา ทำให้การสัญจรทางน้ำเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น
      ความหมายของคำว่า คลองบางปลากด นั้น เริ่มต้นจากความหมายของ คำว่า คลอง เป็นคำไทยมาจากภาษามอญ แปลว่า ทาง แต่เดิมใช้กันเป็นสามัญที่แปลว่าทางน้ำ โดยเป็นแหล่งอาหารทางธรรมชาติ ของสัตว์นํ้าจำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา  และเป็นเส้นทางที่อาศัยการเดินเท้าได้สะดวก จึงมีผู้คนนิยมปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่บริเวณริมคลอง เช่น บ้านคลองมอญ ส่วนคำว่า บาง ผู้ชำนาญการทางภาษาเขมรได้กล่าวถึงความหมายไว้ว่าบาง คือ ชะวากทะเล คลองกับบางจึงมีความหมายที่คล้ายกัน โดยคำว่า บาง มีลักษณะเป็นคลองที่เป็นทางตันและมีหมู่บ้านตั้งอยู่ริมน้ำที่อยู่ใกล้ทะเล สำหรับคำว่า ปลากด นั้น มีการบันทึกไว้ 3 รูปแบบ คือ ปลากด ปรากฏ และปกด (รัชกาลที่ 5 ทรงบันทึกไว้)
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
      ในอดีตสภาพพื้นที่ของ ตำบลในคลองบางปลากด เป็นพื้นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเต็มไปด้วยแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากมายทั้ง คลอง คู ลำราง ทำให้พื้นที่นี้เป็นแหล่งเกษตรกรรมขนาดใหญ่  โดยชาวบ้านในพื้นที่เริ่มต้นด้วยการทำเกษตรกรรมตั้งแต่การ ปลูกข้าว แต่สภาพพื้นที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มอยู่ติดทะเลทำให้น้ำท่วมถึง  จึงเริ่มเปลี่ยนอาชีพมาเป็นการ ตัดจาก เพื่อส่งมุงหลังคา เมื่อทรัพยากรดังกล่าวเหลือน้อยลงจึงเริ่มหันมาทำการ ปลูกมะพร้าว เพื่อทำเป็นน้ำตาล และเปลี่ยนมาทำ สวนพุทรา และสวนส้ม จนกระทั่งเริ่มมี โรงงานอุตสาหกรรม เข้ามาในพื้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นที่ทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก เช่น มีการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมจำนวนมาก เส้นทางการคมนาคมและการขนส่งที่สะดวกมากขึ้น ฯลฯ
สภาพทั่วไปของตำบล
      ปัจจุบัน ตำบลในคลองบางปลากด มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ  14.50  ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ  9,062.50  ไร่  โดยเป็น 1 ใน 5 ตำบล ของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ แต่เดิมมีสถานะเป็น สภาตำบล ต่อมาได้รับการจัดตั้งเป็น องค์การบริหารส่วนตำบล  เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2538 ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเรื่องการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนตำบลในคลองบางปลากด ตั้งอยู่เลขที่ 333/3 หมู่ที่ 9 ถนนโค้งสน-คู่สร้าง ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290
      ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของตำบลในคลองบางปลากด มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีน้ำทะเลท่วมถึง โดยมี คลองบางปลากด เป็นคลองสายหลักในพื้นที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา   ส่วนด้านการคมนาคมมี    ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนประชาอุทิศ - คู่สร้าง  เป็นถนนสายหลักในพื้นที่ มีประชาชนใช้สัญจรเป็นจำนวนมาก และยังมี ซอยวัดคู่สร้าง ซอยวัดใหญ่ เป็นถนนซอยหลักในพื้นที่ตลอดจนมีโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรรเป็นจำนวนมาก แต่สภาพพื้นที่บางส่วนยังคงมีการทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์น้ำอยู่บ้าง
 
 ตราสัญลักษณ์ อบต.ในคลองบางปลากด
 
 

อ้างอิงจาก : http://naiklong.go.th/default.php?modules=fckeditor&fck_id=4&view_id=55&orderby=1

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

iPad Wifi หรือ iPad 3G เลือกซื้ออะไรดี

iPad Wifi หรือ iPad 3G เลือกซื้ออะไรดี [วิธีเลือกซื้อ iPad Wifi หรือ 3G]


page-01
page-02
page-03
page-04

iPad Wifi เล่นอินเตอร์เน็ต 3G ได้จริงๆหรือ ?

ถูกต้องตามที่ โตโต้(เจ้าอ้วนใส่แว่น)พูดครับ iPad Wifi สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตด้วย สัญญาณ 3G (หรือ EDGE บนสัญญาณ GSM/CDMA) ได้จริงๆครับ โดยข้อจำกัดของ iPad Wifi ที่ไม่สามารถรับสัญญาณ 3G(หรือ EDGE) นั้นเราสามารถแก้ได้โดยการ
เพิ่มอุปกรณ์อีกตัวเข้าไป เพื่อรับสัญญาณ 3G(หรือ EDGE) และส่งต่อข้อมูลจากสัญญาณ 3G ต่อไปให้ iPad Wifi โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณไปให้ iPad Wifi ด้วยสัญญาณ Wifi ครับ อุปกรณ์พระเอกของงานนี้เราเรียกมันว่า “Mifi” ครับ
mifi_ipad
ด้วยหลักการตามรูปด้านบนทำให้เราสามารถใช้ อินเตอร์เน็ต 3G/EDGE บน iPad Wifi ได้ครับ ทำให้คุณสมบัติการทำงานของ iPad Wifi เท่าเทียมกับ iPad 3G โดยปริยาย โดยอุปกรณ์ที่จะมาทำหน้าที่แบบ Mifi นี้เราเลือกได้ 2 วิธีครับ

1. วิธีแรก เราใช้อุปกรณ์ Mifi ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ

เรามาดูหน้าตาของ Mifi กันหน่อยดีกว่าครับ หน้าตาเป็นยังไง แล้วมีขายที่ไหนบ้าง?
ตัวแรกครับ ชื่อ Mifi 2200 จำหน่ายและให้บริการข้อมูลโดย CAT CDMA ครับ ดังนั้นอุปกรณ์ตัวนี้จึงใช้ได้เฉพาะสัญญาณมือถือ CDMA ครับ ผู้ให้บริการก็คือ CAT CDMA และ Hutch ครับ ราคาเครื่องอยู่ที่ 7,900 บาท ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ CAT CDMA ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ CAT CDMA ครับ
ตัวที่สองเป็น Mifi ที่ใช้สำหรับคลื่น GSM (เช่น Ais, Dtac, TrueMove) เป็นอุปกรณ์จากบริษัท Huawei ครับ มีหน้าตาแบบนี้ครับ
mifi_huawei
ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ได้ครับ sim card ที่คุณมีอยู่แล้วครับ ใช้ได้เลย ไม่ต้องตัดซิมให้เล็ก(micro sim) ด้วยนะครับ สำหรับ ราคา Mifi Huawei ตัวนี้อยู่ที่ 4,900 – 5,900 บาท ครับ สามารถหาซื้อได้ที่ ห้างพันธุ์ทิพย์(ชั้น 4 ร้านที่ขายมือถือ smartphone ครับ) และห้างฟอร์จูนทาวน์ ที่รัชดาภิเษกครับ(สำหรับที่นี่ มีขายค่อนข้างเยอะครับ) ถ้าใครเป็นแฟน TechmoBlog  เคยอ่านบทความ “ราคา iPad”ของเว็บเราจะพบว่า ผมคอยเช็คให้อยู่ครับว่า Mifi ราคาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง มีขายที่ไหน
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้า Huawei  ตัวนี้ มีข้อเสียตรงที่ว่า ถ้าใช้กับ CDMA มันจะสามารถใช้ได้กับ 3G ครับ แต่ถ้าเราใช้ซิม AIS, Dtac, TrueMove ซึ่งเป็น GSM เราจะใช้ได้แค่ EDGE และ GPRS ครับ ใช้ 3G ไม่ได้นะครับ ก่อนซื้อโปรดคำนวณในจุดนี้ด้วยครับ

2. วิธีที่สอง เราใช้โทรศัพท์มือถือของเราแปลงร่างเป็น Mifi

วิธีนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า จะทำได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนครับ โทรศัพท์มือถือที่จะนำมาใช้แทน Mifi ต้องมีคุณสมบัติในการใช้งาน Wifi ได้ด้วยนะครับ และหากต้องการใช้ 3G บน iPad ล่ะก็ โทรศัพท์มือถือ ที่จะนำมาใช้งานเป็น Mifi นั้นต้องใช้ 3G ได้ด้วยครับ เพราะเราจะใช้ โทรศัพท์เป็นตัวกลางรับส่งสัญญาณนี่นา ถ้าตัวกลางรับส่ง 3G ไมได้ ตัวรับปลายทางอย่าง iPad ก็พลอยแห้วไปด้วย
อธิบายซะยาว อันที่จริง ณ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือที่ใช้เป็น Mifi ได้มีแค่ 2 แบบครับ
  • iPhone เพราะว่า iPhone มีทั้ง Wifi และ 3G จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมมากครับ
  • Android Phone อาจมีบางคนไม่รู้จัก Android Phone ให้ลองอ่านบทความ “Android คืออะไร”ก่อนนะครับ
mywi

iPhone

การจะนำ iPhone มาใช้เป็น Mifi นั้นเราจำเป็นจะต้องทำการ JailBreak เครื่อง iPhone ของเราเสียก่อนครับ การ JailBreak ก็คือการ แฮ็คเครื่องตัวเองนั่นเองครับ สำหรับคนที่ไม่มีพื้นทางไอที และกลัวการ JailBreak ว่าจะทำให้เครื่องพังและหมดประกันล่ะก็ คุณคิดถูกแล้วครับ การ JailBreak นั้นมีความเสี่ยงในการสูญเสีย iPhone ของคุณมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การนำ iPhone มาใช้เป็น Mifi ผมแนะนำให้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน JailBreak iPhone ดูแลให้ดีกว่าครับ
iPhone ที่ JailBreak แล้วจะสามารถลง App แปลกๆได้ที่ไม่มีใน App Stores ของแอปเปิ้ล ซึ่งหนึ่งในจำนวน App แปลกๆที่ว่า จะมี App ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า MyWi ซึ่งเราสามารถติดตั้งและจ่ายเงินให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ผ่านบัตรเครดิต ราคาประมาณ 10 เหรียญสหรัฐ ครับ
App ตัวนี้จะทำให้เราสามารถแชร์ อินเตอร์เน็ตให้ iPad ผ่านสัญญาณ Wifi ได้ครับ
android_mifi

Android Phone

สำหรับ Android Phone นั้นโชคดีกว่าครับ เนื่องจาก Android Phone รุ่นใหม่ล่าสุดคือ Android OS 2.2 นั้นอนุญาติให้เราแปลงร่าง โทรศัพท์มือถือของเราไปเป็น Mifi ได้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม แต่ปัญหาก็คือ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ Android OS 2.2 นั้นยังไม่มีวางจำหน่ายน่ะสิครับ แต่เราสามารถหาโทรศัพท์มือถือที่ใช้ Android OS 2.1  อยู่แล้ว มาอัพเกรดเป็น 2.2 ได้ ซึ่งเช่นเดียวกับ iPhone ผมแนะนำให้อยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค จะดีกว่าครับ
ส่วนตัวผมเอง ใช้ MyWi บน iPhone 3Gs ครับใช้งานได้ดีทีเดียว แต่มีข้อเสียเรื่องแบตหมดเร็ว(กว่าเดิม)มากครับ

ผลสรุปแนวทางทางเลือกซื้อ iPad ให้สามารถใช้ 3G หรือ EDGE มีทางเลือกดังนี้ครับ

ipad_choices
หว้งว่าบทความนี้ คงมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้างนะครับ :-)
บอล บางปลากด : ความคิดเห็นส่วนตัวของผมแนะนำใช้ iPad Wifi รุ่นต่ำสุด สำหรับคนที่มี iPhone อยู่แล้วจะประหยัดตังในกระเป๋าได้มากเลยทีเดียว เพราะเราสามารถแชร์สัญญาณ 3G ได้

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเจลเบรก iDevice iOS 4.3.3

jailbreak-logo  วิธีการเจลเบรก iDevice iOS 4.3.3 โดย Redsn0w 0.9.6RC15 นะครับ ก่อนอื่นให้เข้าไปโหลด Firmware ให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ต้องการจะเจลเบรกได้ที่หน้า Download
หากใครโหลด firmware ได้ .zip ต้องแก้ให้เป็น .ipsw ก่อน วิธีการดูที่ >> โหลด firmware ได้ .zip มา ทำอย่างไรให้กลายเป็น .ipsw มีคำตอบ
จากนั้น อ่าน : สิ่งที่ควรทำก่อนการเจลเบรก ครับ

ดาวน์โหลด RedSn0w 0.9.6 RC 15

สำหรับ OS X

สำหรับ Windows
Redsn0w 0.9.6RC15 Untethered Jailbreak รองรับอุปกรณ์ต่อไปนี้ :
  • iPhone 3GS
  • iPhone 4 (GSM)
  • iPod touch 3G
  • iPod touch 4G
  • iPad 1
  • AppleTV2G (v4.3 8F202)

สำคัญสำหรับท่านที่ใช้ Windows Vista หรือ Windows 7 ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
  1. คลิกขวาที่ไอคอน redsn0w.exe เลือก properties
  2. เลือก compatibility
  3. ติ๊กถูกหน้า Run this program in compatibility mode for : แล้วเลือก Windows XP service pack 3

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนการเจลเบรกกันเลยครับ

เปิดโปรแกรม Redsn0w


กดปุ่ม Browse


เลือก firmware 4.3.3 ที่ได้ดาวน์โหลดมาแล้ว จากนั้นกด open
กด Next

รอโปรแกรม Redsn0w ตรวจสอบ firmware

เลือก install cydia และใน redsn0w 0.9.6rc15 นี้มีการเพิ่ม Multitasking Gesture มาให้ด้วย แนะนำสำหรับผู้ใช้ iPad 1 แล้วกด next

ปิดเครื่อง iDevice จากนั้นกด next เตรียมความพร้อมเพื่อเข้า DFU mode

กดปุ่ม power ค้างไว้ 2 วินาที

กดปุ่ม home ตามไปอีก 5 วินาที (จังหวะนี้จะกด 2 ปุ่ม ถ้าสำเร็จ จอจะดับไป)

ปล่อยมือจากปุ่ม power แต่ยังกด home ค้างต่อไปอีก 15 วินาที

iPhone จะทำการ reboot เครื่องเพื่อเข้าสู่การเจลเบรก

Redsn0w เริ่มทำงาน

เสร็จเรียบร้อย


อ้างอิง : http://www.iphonemod.net/untethered-jailbreak-ios-4-3-3-by-redsn0w-096rc15.html

การ Backup ข้อมูลใน iPhone


::..วิธี Backup ข้อมูลใน iPhone..::
......
การ Backup ข้อมูลใน iPhone แบ่งได้เป็น 2 วิธีครับ คือ

1.ใช้ iTunes
2.ใช้โปแรกรมสำหรับ Browse ไฟล์ใน iPhone ต่างๆ เช่น iPhone PC Suite , iPhone Tunnel Suite , iPhone Browser , WinSCP และโปรแกรม FTP ต่างๆครับ


***

1.iTunes

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและแนะนำที่สุดครับ เพราะ iTunes จะ Backup ทุกอย่างให้เรา
ทั้งการตั้งค่าใน Settings และยัง Backup ตำแหน่งการจัดเรียง icon ไว้ด้วยครับ
แต่พวกโปรแกรมต่างๆไม่มี Backup ให้นะ ต้องลงใหม่เอง แต่พอลงใหม่ก็จะเห็นว่าโปรแกรมจะไปอยู่ในตำแหน่งเดิม

แต่ทั้งนี้บางครั้งอาจะจเกิดการ Backup มาไม่ครบได้นะครับ ควรใช้คู่กับการ Backup วิธีอื่นด้วยนะ

วิธีการไม่มีอะไรเลยครับ แค่เรา Sync iPhone กับ iTunes ทุกครั้ง iTunes ก็จะ Backup ข้อมูลให้อยู่แล้วครับ



พอเรา Restore iPhone เสร็จทุกครั้งก็จะเห็นว่า iTunes จะถามว่าจะ Restore ข้อมูลกับ iPhone ชื่อ.... (ชื่อเครื่องของเราตอนก่อน Restore) มั๊ย ก็จัดการเลยครับ
หรือจะคลิกขวาที่ชื่อ iPhone ของเราตรงเมนูด้านซ้ายของ iTunes แล้วเลือก Restore from Backup ก็ได้ครับ
......


2.ใช้โปรแกรม Browse ไฟล์ใน iPhone
วิธีนี้จะเป็นการ Backup แบบ Manual ครับ คือเข้าไปดึงไฟล์ตัวฐานข้อมูลที่เราต้องการมาเก็บไว้

เวลาจะเอากลับก็แค่เอาไปทับที่เดิม

โดยไฟล์จะอยู่ที่

สำหรับ FW 1.1.3 ขึ้นไปจนถึง 2.2
- /var/mobile/Library/

FW ต่ำกว่า 1.1.3
- /var/root/Library/

เข้าไปจะเห็นตามนี้นะครับ



ตัวอย่างจะ Backup SMS


ไฟล์อันอื่นๆก็จะเป็นทำนองเดียวกันครับ
ก็เลือก Copy มาเก็บไว้เลยครับ จะเป็นไฟล์ .db นะครับ


......

ลองทำกันดูนะครับ

เท่านี้ข้อมูลสำคัญๆก็ไม่หายแล้ว


อ้างอิง :
http://pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=127273&PN=1

 

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ iPhone 5 และมี NFC จริงหรือ ??

iphone51มีข่าวลือแว่ว ๆ มาค่ะว่า หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 4 ออกมาแล้วมีปัญหานั้น ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone 5 ออกมาให้ยลโฉมกัน และดูท่าว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่แก้ตัวให้กับ iPhone 4 เรามาดูกันว่า iPhone 5 นี้จะมีทีเด็ดอะไรหรือเปล่า
          สำหรับจุดที่น่าสนใจของ iPhone 5 นั้น ว่ากันว่า ได้รับการพัฒนาให้พิเศษกว่า iPhone รุ่นอื่น คือจะเน้นในระบบซิมการ์ดที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายใด ๆ ก็ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทาง Apple ได้จับมือกับบริษัทซิมการ์ด Gemalto เพื่อออกซิมการ์ดชนิดพิเศษ ที่สามารถให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ต ตั้งค่าเครือข่ายโทรศัพท์ได้ทุกเครือข่ายตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่มีบริษัทผลิตโทรศัพท์ที่ไหนเคยทำมาก่อน
          และนอกจากเรื่องของซิมการ์ดเลือกเครือข่ายใดตามใจผู้ใช้แล้ว ทาง Apple ก็ยังมีข่าวที่ทำให้แฟน ๆ iPhone ตกตะลึงกันอีกครั้ง เมื่อมีข่าวออกมาว่า Apple จะเพิ่มเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายในระยะสั้น หรือ NFC  (Near Field Communication) เข้าไปด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลและโอนถ่ายข้อมูลของเครื่อง Mac ไว้ในเครื่อง iPhone 5 ได้ด้วย ประหนึ่งกับว่า iPhone 5 เป็นเครื่อง Mac ที่ผู้ใช้พกพาไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลานั่นเอง
           นอกจากนี้บริษัท Omnivision ผู้พัฒนาเซนเซอร์กล้องให้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple เผยโฉมเซนเซอร์ CMOS ตัวใหม่ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเครื่อง iPhone และสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นๆให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก โดย OV8820 ตัวนี้จะมาพร้อมกับความละเอียดภาพที่สูงขึ้นถึง 8 ล้านพิกเซลและสามารถบันทึกภาพได้ดีแม้ในที่ที่มีแสงน้อยก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยังได้เพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นเพื่อลดความสั่นไหวของภาพให้น้อยลงกว่าเดิมด้วย เช่นเดียวกับระบบบันทึกวิดีโอที่ได้เพิ่มสเกลความละเอียดของวิดีโอขึ้นเป็น 1080p30 หรือ 720p60 ด้วย
นอกจากนี้เซนเซอร์ดังกล่าวยังสามารถประมวลผลการถ่ายภาพได้ 24 เฟรมต่อวินาทีหากใช้งานความละเอียดกล้องแบบ 8 ล้านพิกเซลด้วย (30 เฟรมต่อวินาทีสำหรับความละเอียด 6 ล้านพิกเซลแบบไวด์สกรีน) และทาง Omnivision ก็จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนระบบออโต้โฟกัส, ฟอร์แมตภาพ RAW และระบบประมวลผลภาพแบบ Live เพื่อลด Noise รบกวนต่าง ๆ ออกไปให้มากที่สุดเช่นกัน
แม้จะยังไม่ได้มีการตกลงข้อเสนอใด ๆ ทั้งนั้นในเวลานี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ Omnivision จะส่ง OV8820 ไปใช้งานกับเครื่อง iPhone 5 ก่อนเป็นเจ้าแรกหากพิจารณาว่า 2 บริษัทนี้เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมานานนับตั้งแต่ผลิต iPhone รุ่นแรกๆออกมาเลยแหละ
สำหรับใครก็ตามที่กำลังคิดจะซื้อ iPhone 4 คงต้องคิดหนักกันทีเดียว เพราะอีกไม่นานเกินรอ ก็จะได้พบกับ iPhone 5 แล้ว และถ้า iPhone 5 มีดีขนาดนี้ล่ะก็ จะอดทนรออีกสักนิดก็ถือได้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยเลยจริง ๆ นะคะ
ที่มา http://www.iphonemod.net/property-iphone-5.html

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
  1. iPhone OS 4.0 มี Multitasking ในรูปแบบของ Expose จริงหรือ?
  2. อัพ BB 06.15.00 จะใช้ GPS ไม่ได้!! จริงหรือ?
  3. วีดีโอและรูปถ่ายของ iPod Touch จริงหรือ?
  4. ตัวอย่างหนัง Geohot Movie Trailer [VDO] จริงหรือ?
  5. Apple ออก iPhone OS 3.0.1 แก้ช่องโหว่ SMS