วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

iPad Wifi หรือ iPad 3G เลือกซื้ออะไรดี

iPad Wifi หรือ iPad 3G เลือกซื้ออะไรดี [วิธีเลือกซื้อ iPad Wifi หรือ 3G]


page-01
page-02
page-03
page-04

iPad Wifi เล่นอินเตอร์เน็ต 3G ได้จริงๆหรือ ?

ถูกต้องตามที่ โตโต้(เจ้าอ้วนใส่แว่น)พูดครับ iPad Wifi สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตด้วย สัญญาณ 3G (หรือ EDGE บนสัญญาณ GSM/CDMA) ได้จริงๆครับ โดยข้อจำกัดของ iPad Wifi ที่ไม่สามารถรับสัญญาณ 3G(หรือ EDGE) นั้นเราสามารถแก้ได้โดยการ
เพิ่มอุปกรณ์อีกตัวเข้าไป เพื่อรับสัญญาณ 3G(หรือ EDGE) และส่งต่อข้อมูลจากสัญญาณ 3G ต่อไปให้ iPad Wifi โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณไปให้ iPad Wifi ด้วยสัญญาณ Wifi ครับ อุปกรณ์พระเอกของงานนี้เราเรียกมันว่า “Mifi” ครับ
mifi_ipad
ด้วยหลักการตามรูปด้านบนทำให้เราสามารถใช้ อินเตอร์เน็ต 3G/EDGE บน iPad Wifi ได้ครับ ทำให้คุณสมบัติการทำงานของ iPad Wifi เท่าเทียมกับ iPad 3G โดยปริยาย โดยอุปกรณ์ที่จะมาทำหน้าที่แบบ Mifi นี้เราเลือกได้ 2 วิธีครับ

1. วิธีแรก เราใช้อุปกรณ์ Mifi ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ

เรามาดูหน้าตาของ Mifi กันหน่อยดีกว่าครับ หน้าตาเป็นยังไง แล้วมีขายที่ไหนบ้าง?
ตัวแรกครับ ชื่อ Mifi 2200 จำหน่ายและให้บริการข้อมูลโดย CAT CDMA ครับ ดังนั้นอุปกรณ์ตัวนี้จึงใช้ได้เฉพาะสัญญาณมือถือ CDMA ครับ ผู้ให้บริการก็คือ CAT CDMA และ Hutch ครับ ราคาเครื่องอยู่ที่ 7,900 บาท ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ CAT CDMA ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ CAT CDMA ครับ
ตัวที่สองเป็น Mifi ที่ใช้สำหรับคลื่น GSM (เช่น Ais, Dtac, TrueMove) เป็นอุปกรณ์จากบริษัท Huawei ครับ มีหน้าตาแบบนี้ครับ
mifi_huawei
ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ได้ครับ sim card ที่คุณมีอยู่แล้วครับ ใช้ได้เลย ไม่ต้องตัดซิมให้เล็ก(micro sim) ด้วยนะครับ สำหรับ ราคา Mifi Huawei ตัวนี้อยู่ที่ 4,900 – 5,900 บาท ครับ สามารถหาซื้อได้ที่ ห้างพันธุ์ทิพย์(ชั้น 4 ร้านที่ขายมือถือ smartphone ครับ) และห้างฟอร์จูนทาวน์ ที่รัชดาภิเษกครับ(สำหรับที่นี่ มีขายค่อนข้างเยอะครับ) ถ้าใครเป็นแฟน TechmoBlog  เคยอ่านบทความ “ราคา iPad”ของเว็บเราจะพบว่า ผมคอยเช็คให้อยู่ครับว่า Mifi ราคาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง มีขายที่ไหน
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้า Huawei  ตัวนี้ มีข้อเสียตรงที่ว่า ถ้าใช้กับ CDMA มันจะสามารถใช้ได้กับ 3G ครับ แต่ถ้าเราใช้ซิม AIS, Dtac, TrueMove ซึ่งเป็น GSM เราจะใช้ได้แค่ EDGE และ GPRS ครับ ใช้ 3G ไม่ได้นะครับ ก่อนซื้อโปรดคำนวณในจุดนี้ด้วยครับ

2. วิธีที่สอง เราใช้โทรศัพท์มือถือของเราแปลงร่างเป็น Mifi

วิธีนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า จะทำได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนครับ โทรศัพท์มือถือที่จะนำมาใช้แทน Mifi ต้องมีคุณสมบัติในการใช้งาน Wifi ได้ด้วยนะครับ และหากต้องการใช้ 3G บน iPad ล่ะก็ โทรศัพท์มือถือ ที่จะนำมาใช้งานเป็น Mifi นั้นต้องใช้ 3G ได้ด้วยครับ เพราะเราจะใช้ โทรศัพท์เป็นตัวกลางรับส่งสัญญาณนี่นา ถ้าตัวกลางรับส่ง 3G ไมได้ ตัวรับปลายทางอย่าง iPad ก็พลอยแห้วไปด้วย
อธิบายซะยาว อันที่จริง ณ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือที่ใช้เป็น Mifi ได้มีแค่ 2 แบบครับ
  • iPhone เพราะว่า iPhone มีทั้ง Wifi และ 3G จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมมากครับ
  • Android Phone อาจมีบางคนไม่รู้จัก Android Phone ให้ลองอ่านบทความ “Android คืออะไร”ก่อนนะครับ
mywi

iPhone

การจะนำ iPhone มาใช้เป็น Mifi นั้นเราจำเป็นจะต้องทำการ JailBreak เครื่อง iPhone ของเราเสียก่อนครับ การ JailBreak ก็คือการ แฮ็คเครื่องตัวเองนั่นเองครับ สำหรับคนที่ไม่มีพื้นทางไอที และกลัวการ JailBreak ว่าจะทำให้เครื่องพังและหมดประกันล่ะก็ คุณคิดถูกแล้วครับ การ JailBreak นั้นมีความเสี่ยงในการสูญเสีย iPhone ของคุณมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การนำ iPhone มาใช้เป็น Mifi ผมแนะนำให้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน JailBreak iPhone ดูแลให้ดีกว่าครับ
iPhone ที่ JailBreak แล้วจะสามารถลง App แปลกๆได้ที่ไม่มีใน App Stores ของแอปเปิ้ล ซึ่งหนึ่งในจำนวน App แปลกๆที่ว่า จะมี App ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า MyWi ซึ่งเราสามารถติดตั้งและจ่ายเงินให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ผ่านบัตรเครดิต ราคาประมาณ 10 เหรียญสหรัฐ ครับ
App ตัวนี้จะทำให้เราสามารถแชร์ อินเตอร์เน็ตให้ iPad ผ่านสัญญาณ Wifi ได้ครับ
android_mifi

Android Phone

สำหรับ Android Phone นั้นโชคดีกว่าครับ เนื่องจาก Android Phone รุ่นใหม่ล่าสุดคือ Android OS 2.2 นั้นอนุญาติให้เราแปลงร่าง โทรศัพท์มือถือของเราไปเป็น Mifi ได้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม แต่ปัญหาก็คือ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ Android OS 2.2 นั้นยังไม่มีวางจำหน่ายน่ะสิครับ แต่เราสามารถหาโทรศัพท์มือถือที่ใช้ Android OS 2.1  อยู่แล้ว มาอัพเกรดเป็น 2.2 ได้ ซึ่งเช่นเดียวกับ iPhone ผมแนะนำให้อยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค จะดีกว่าครับ
ส่วนตัวผมเอง ใช้ MyWi บน iPhone 3Gs ครับใช้งานได้ดีทีเดียว แต่มีข้อเสียเรื่องแบตหมดเร็ว(กว่าเดิม)มากครับ

ผลสรุปแนวทางทางเลือกซื้อ iPad ให้สามารถใช้ 3G หรือ EDGE มีทางเลือกดังนี้ครับ

ipad_choices
หว้งว่าบทความนี้ คงมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้างนะครับ :-)
บอล บางปลากด : ความคิดเห็นส่วนตัวของผมแนะนำใช้ iPad Wifi รุ่นต่ำสุด สำหรับคนที่มี iPhone อยู่แล้วจะประหยัดตังในกระเป๋าได้มากเลยทีเดียว เพราะเราสามารถแชร์สัญญาณ 3G ได้

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเจลเบรก iDevice iOS 4.3.3

jailbreak-logo  วิธีการเจลเบรก iDevice iOS 4.3.3 โดย Redsn0w 0.9.6RC15 นะครับ ก่อนอื่นให้เข้าไปโหลด Firmware ให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ต้องการจะเจลเบรกได้ที่หน้า Download
หากใครโหลด firmware ได้ .zip ต้องแก้ให้เป็น .ipsw ก่อน วิธีการดูที่ >> โหลด firmware ได้ .zip มา ทำอย่างไรให้กลายเป็น .ipsw มีคำตอบ
จากนั้น อ่าน : สิ่งที่ควรทำก่อนการเจลเบรก ครับ

ดาวน์โหลด RedSn0w 0.9.6 RC 15

สำหรับ OS X

สำหรับ Windows
Redsn0w 0.9.6RC15 Untethered Jailbreak รองรับอุปกรณ์ต่อไปนี้ :
  • iPhone 3GS
  • iPhone 4 (GSM)
  • iPod touch 3G
  • iPod touch 4G
  • iPad 1
  • AppleTV2G (v4.3 8F202)

สำคัญสำหรับท่านที่ใช้ Windows Vista หรือ Windows 7 ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
  1. คลิกขวาที่ไอคอน redsn0w.exe เลือก properties
  2. เลือก compatibility
  3. ติ๊กถูกหน้า Run this program in compatibility mode for : แล้วเลือก Windows XP service pack 3

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนการเจลเบรกกันเลยครับ

เปิดโปรแกรม Redsn0w


กดปุ่ม Browse


เลือก firmware 4.3.3 ที่ได้ดาวน์โหลดมาแล้ว จากนั้นกด open
กด Next

รอโปรแกรม Redsn0w ตรวจสอบ firmware

เลือก install cydia และใน redsn0w 0.9.6rc15 นี้มีการเพิ่ม Multitasking Gesture มาให้ด้วย แนะนำสำหรับผู้ใช้ iPad 1 แล้วกด next

ปิดเครื่อง iDevice จากนั้นกด next เตรียมความพร้อมเพื่อเข้า DFU mode

กดปุ่ม power ค้างไว้ 2 วินาที

กดปุ่ม home ตามไปอีก 5 วินาที (จังหวะนี้จะกด 2 ปุ่ม ถ้าสำเร็จ จอจะดับไป)

ปล่อยมือจากปุ่ม power แต่ยังกด home ค้างต่อไปอีก 15 วินาที

iPhone จะทำการ reboot เครื่องเพื่อเข้าสู่การเจลเบรก

Redsn0w เริ่มทำงาน

เสร็จเรียบร้อย


อ้างอิง : http://www.iphonemod.net/untethered-jailbreak-ios-4-3-3-by-redsn0w-096rc15.html

การ Backup ข้อมูลใน iPhone


::..วิธี Backup ข้อมูลใน iPhone..::
......
การ Backup ข้อมูลใน iPhone แบ่งได้เป็น 2 วิธีครับ คือ

1.ใช้ iTunes
2.ใช้โปแรกรมสำหรับ Browse ไฟล์ใน iPhone ต่างๆ เช่น iPhone PC Suite , iPhone Tunnel Suite , iPhone Browser , WinSCP และโปรแกรม FTP ต่างๆครับ


***

1.iTunes

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและแนะนำที่สุดครับ เพราะ iTunes จะ Backup ทุกอย่างให้เรา
ทั้งการตั้งค่าใน Settings และยัง Backup ตำแหน่งการจัดเรียง icon ไว้ด้วยครับ
แต่พวกโปรแกรมต่างๆไม่มี Backup ให้นะ ต้องลงใหม่เอง แต่พอลงใหม่ก็จะเห็นว่าโปรแกรมจะไปอยู่ในตำแหน่งเดิม

แต่ทั้งนี้บางครั้งอาจะจเกิดการ Backup มาไม่ครบได้นะครับ ควรใช้คู่กับการ Backup วิธีอื่นด้วยนะ

วิธีการไม่มีอะไรเลยครับ แค่เรา Sync iPhone กับ iTunes ทุกครั้ง iTunes ก็จะ Backup ข้อมูลให้อยู่แล้วครับ



พอเรา Restore iPhone เสร็จทุกครั้งก็จะเห็นว่า iTunes จะถามว่าจะ Restore ข้อมูลกับ iPhone ชื่อ.... (ชื่อเครื่องของเราตอนก่อน Restore) มั๊ย ก็จัดการเลยครับ
หรือจะคลิกขวาที่ชื่อ iPhone ของเราตรงเมนูด้านซ้ายของ iTunes แล้วเลือก Restore from Backup ก็ได้ครับ
......


2.ใช้โปรแกรม Browse ไฟล์ใน iPhone
วิธีนี้จะเป็นการ Backup แบบ Manual ครับ คือเข้าไปดึงไฟล์ตัวฐานข้อมูลที่เราต้องการมาเก็บไว้

เวลาจะเอากลับก็แค่เอาไปทับที่เดิม

โดยไฟล์จะอยู่ที่

สำหรับ FW 1.1.3 ขึ้นไปจนถึง 2.2
- /var/mobile/Library/

FW ต่ำกว่า 1.1.3
- /var/root/Library/

เข้าไปจะเห็นตามนี้นะครับ



ตัวอย่างจะ Backup SMS


ไฟล์อันอื่นๆก็จะเป็นทำนองเดียวกันครับ
ก็เลือก Copy มาเก็บไว้เลยครับ จะเป็นไฟล์ .db นะครับ


......

ลองทำกันดูนะครับ

เท่านี้ข้อมูลสำคัญๆก็ไม่หายแล้ว


อ้างอิง :
http://pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=127273&PN=1